ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ทุกคนคงเห็นแล้วว่า แผนต่างๆ ที่ CTH วางไว้ ไม่สามารถทำได้ตามแผน ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมาอีกมากมาย ในช่วงปีที่ 2 จึงต้องจับตามองว่า CTH จะแก้เกมส์นี้อย่างไร และแล้วในเดือนกรกฎาคม 2557 CTH ก็ได้เปิดแผนออกมาว่า ไปจับมือกับ GMM-Z, PSI, Sun Box, Dtac, TWZ และ Sanook คงต้องบอกว่าแผนที่วางไว้ CTH ทำได้ดีมาก เหลืออย่างเดียวคือยอดขายจะเป็นไปตามแผนหรือไม่
CTH เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ BPL
ในวันนี้คนไทยที่เป็นคอบอล คงรู้จัก CTH แล้วว่า CTH คือเจ้าของลิขสิทธิ์ การถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีคจากอังกฤษ หรือ BPL ไม่ใช่ True Vision การโหมโฆษณา และการพูดปากต่อปากมาเป็นเวลา 1 ปี ตั้งแต่ CTH ได้ลิขสิทธิ์มา ทำให้เกิดภาพจำของ CTH ในหมู่ผู้บริโภคของคนไทยแล้วว่า หากจะดู BPL จะต้องดูจาก CTH เท่านั้น ส่วนจะดูช่องรายการที่มีคุณภาพเกรด A อื่นๆ ดูได้จาก True Vision
CTH ไม่ได้มีเฉพาะ BPL
ความจริงแล้ว CTH เป็นผู้ประกอบกิจการเคเบิลทีวีระดับชาติ ที่มีช่องรายการลิขสิทธิ์ต่างๆมากมาย ทั้งภาพยนตร์, สารคดี, การ์ตูน, กีฬา, ข่าว, บันเทิง และอื่นๆ อีกมาก หากมองถึงคุณภาพช่องรายการต่างๆ ที่ CTH มีแล้วต้องถือว่ามีช่องรายการที่มีคุณภาพ ระดับ 5 ดาว ไม่น้อยหน้าไปกว่า True Vision ซึ่งเป็นเจ้าตลาด Content เกรด A ในประเทศไทย
ช่องรายการ CTH ต่างจาก True Vision ไม่มาก
สำหรับ True Vision ในวันนี้มีช่องรายการที่ CTH ไม่มีที่สำคัญเช่น HBO, Discovery, CNN, BBC, ฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีค หรือ TPL เป็นต้น นอกจากนั้น ยังถือว่าเป็นความแตกต่างที่ไม่มีนัยยะสำคัญมากนัก เพราะต่างฝ่ายต่างมีช่องรายการที่คล้ายคลึงกัน มีต้นทุนในการประกอบกิจการที่ใกล้เคียงกัน แต่ผลของการประกอบกิจการ มีความแตกต่างชนิดที่เทียบกันไม่ได้
Package ต่างๆ ของ CTH ไม่มีใครรู้จัก
ด้วยต้นทุนที่สูงในเรื่องค่าลิขสิทธิ์ BPL ซึ่งถือเป็นหัวใจที่สำคัญของ CTH และตลอด 1 ฤดูกาลที่ผ่านมา CTH ได้พยายามทำการหาสมาชิกด้วยตนเอง ผ่านช่องทาง เคเบิลท้องถิ่น และจานฟ้า CTH โดยออกมาในชื่อ Package ต่างๆ ในราคาต่างๆ กัน เช่น
แต่ชื่อต่างๆ เหล่านี้ ไม่มีใครจำได้ และไม่มีใครรู้ว่า Package ต่างๆ ของ CTH สามารถดูช่องรายการอะไรได้บ้าง นี่ยังไม่พูดถึงว่า ช่องรายการต่างๆ ที่มีในชื่อที่คนไทยยังไม่คุ้น มีรายการอะไรให้ดู ทั้งๆที่ช่องรายการต่างๆ เหล่านั้นหากสมาชิกได้ดูแล้วจะต้องติดใจ
ในขณะที่ True Vision มี Package ระดับบน ที่คนรู้จักดี เช่น
จะดู BPL ต้องติด CTH เท่านั้น
ด้วยข้อจำกัดของเวลา และต้นทุนค่าลิขสิทธิ์ที่สูง ทำให้ CTH ต้องเร่งโหมทำทุกอย่างออกไป จนกระทั่งตัวแทนขายและประชาชนเกิดความสับสน จำอะไรเกี่ยวกับ CTH ไม่ได้นอกจาก จำว่าหากจะดู BPL ต้องติด CTH เท่านั้น แต่จะติด Package อะไร ราคาเท่าใด ต้องไปหาดูก่อนว่าจะติดต่อผ่านใคร เพราะสื่อที่ออกไป ยังไม่ชัดเจน หากหาเจอว่าต้องโทรมาถาม Call Center 1619 ก็จะพบว่า การให้ข้อมูลของ 1619 ไม่ชัดเจน ผลที่ออกมาจึงกลายเป็นว่า คนที่จะติด CTH มีเพียงกลุ่มเดียวคือ แฟนพันธ์แท้ของ BPL เท่านั้น ส่วนจะดูช่องรายการอื่นๆ สมาชิกเลือกที่จะไปติดตั้ง กล่อง PSI, GMM-Z, Sun Box หรือ True Vision จะดีกว่า
CTH ขายเอง 1,000 บาท/เดือน ไม่ได้ผล
ตลอดเวลา 1 ปีที่ผ่านมา CTH สามารถพิสูจน์ได้ว่า ประเทศไทยที่มี 68 ล้านคน มีบ้าน 22.9 ล้านครัวเรือน เป็นแฟนพันธ์แท้ของ BPL ที่อยากดู BPL จริงๆ และยินดีที่จะจ่ายเพิ่ม เดือนละ 1,000 บาท/เดือน มีจำนวนเท่าใด ซึ่งในภาษาเศรษฐศาสตร์ เขาเรียกว่า Demand ส่วนที่มีกระแสอยากดู BPL กันทั่วประเทศ แต่ไม่ติดตั้ง และไม่จ่ายเงิน เพราะราคาแพง หรือเพราะเหตุผลอื่นๆ เขาไม่เรียกว่า Demand นักการตลาดไม่สามารถเอามาคำนวณเป็นตัวเงินได้ ซึ่งพอจะตอบโจทก์ได้ว่า 1 ปีที่ผ่านมากับราคา 1,000 บาท/เดือน สำหรับ BPL ของ CTH มีรายได้เข้าบริษัท เพียงพอที่จะตอบโจทก์ผู้ลงทุนหรือไม่ แต่ถ้าดูงบการเงินก็จะพบว่า มียอดขาดทุนกว่า 3,000 ล้านบาท
ขาย 200-400 บาท/เดือน น่าจะดีกว่า
ดังนั้น ในฤดูกาลที่ 2 ที่จะเริ่มในกลางเดือนสิงหาคม 2557 CTH จำเป็นต้องเปลี่ยนกลยุทธ์การขายใหม่ ต้องหาเส้น Elasticity of Demand ให้เจอว่า หากสมาชิกอยากดู BPL ราคาเท่าใด เป็นราคาที่จะทำให้ CTH ได้เงินสูงที่สุด เท่าที่ดูจาก Promotion ชุดใหม่ที่ทีมบริหาร CTH ปล่อยออกมา น่าจะเป็น 2,500 - 5,000 บาท/ปี หรือประมาณ 200 - 400 บาท/เดือน เพราะราคาดังกล่าวหากคูณด้วย 2-3 ล้านสมาชิก จะทำให้ CTH มีรายได้ 5,000 - 10,000 ล้านบาท/ปี ซึ่งจะเพียงพอสำหรับการกลบภาวะการขาดทุนกว่า 3,000-4,000 ล้านบาท เมื่อปีที่แล้ว และยังพอที่จะทำให้ปีนี้มีสถานะทางการเงินที่ดีขึ้น แล้วไปเอากำไรกันในฤดูกาลที่ 3 ของ BPL
ขายผ่านจานดาวเทียมดีที่สุด
เพื่อให้การจัดจำหน่ายเป็นไปโดยความสะดวกและรวดเร็วในการให้บริการกับสมาชิก ไม่มีช่องทางการจัดจำหน่ายใด ทำได้รวดเร็วเท่าการใช้ระบบจานรับสัญญาณดาวเทียม ซึ่งในวันนี้มีเจ้าตลาดที่สำคัญบนดาวเทียม ไทยคม คือ PSI, GMM-Z, Sun Box, DTV และ True Vision ส่วน IPM เนื่องจากอยู่ดาวเทียม NSS6 จึงไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้
คนคิดแผน สุดยอด
ในวันนี้ CTH เลือกซื้อ GMM-Z เพื่อให้ได้ Transponder จากดาวเทียมไทยคม ในการทำ Package ต่างๆ และเลือกจับมือกับ PSI และ Sun Box เพื่อเป็นช่องทางในการจัดจำหน่าย BPL กลยุทธ์นี้ ต้องบอกว่า นี่คือสุดยอดวิทยายุทธ์ของผู้บริหาร ที่ CTH ได้เปิดออกมาในครั้งนี้ เพราะการจะคิดกลยุทธ์นี้ออกมาได้ ต้องเอาความรู้หลายด้านมาประกอบกัน ทั้งทางด้านเทคนิค การตลาด เศรษฐศาสตร์ รวมทั้งความใจถึง ความเชื่อมั่น และ Connection จึงจะสามารถคิดออกมาได้ เพราะจุดอ่อนในระบบจานดาวเทียมของ CTH คือฐานใหญ่อยู่ที่ดาวเทียม VINASAT ของเวียดนาม เมื่อได้ GMM-Z มา ทำให้สามารถย้ายฐานการส่งสัญญาณผ่านดาวเทียมมาที่ดาวเทียมไทยคม เพื่อรุกในตลาดกล่องในดาวเทียมไทยคมได้ คือกล่อง PSI, GMM-Z และ Sun Box ซึ่งน่าจะมีฐานครัวเรือนในประเทศไทยเกินกว่า 10 ล้านครัวเรือน ส่วนกล่อง True Vision และ DTV น่าจะรอไว้ก่อน เพื่อทำเป็นทางเลือกสุดท้าย ในปีที่ 3 ของลิขสิทธิ์ BPL
CTH จัดเต็ม
วันนี้ต้องมาร่วมกันลุ้นว่า ราคา 200-400 บาท/เดือน สำหรับการรับชม BPL ครบทุกคู่ จะมีสมาชิกจากกล่อง จานดาวเทียมต่างๆ ยอมล้วงกระเป๋าจ่ายจำนวนเท่าใด เพราะราคาที่ CTH เปิดออกมาในครั้งนี้ ต้องบอกว่า CTH จัดเทศกาลปล่อยผี คำว่าผีในที่นี้น่าจะหมายถึงทีม Manchester United หรือ(ทีมปีศาจแดงหรือผีแดง) ที่เป็นทีมดังของ BPL เพราะการดู BPL ถ้าไม่ได้ดู ปีศาจแดง ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปจ่ายเงินดู BPL ดังนั้น การจัดเทศกาลปล่อยผีในครั้งนี้ จึงเป็นการทำกลยุทธ์แบบ “จัดเต็ม” จริงๆ เพราะเป็นการยิงตรงกลางหัวใจของคนไทยที่เป็นคอบอล ที่ต้องการดู BPL ครบทุกคู่ ไม่ใช่ดูแบบครึ่งๆ กลางๆ
BPL ขายผ่านช่องทางอื่นด้วย
นอกจากนี้ CTH ยังได้จัดเทศกาลนี้ร่วมกับ Dtac, TWZ และ Sanook ในช่องทางการรับชมอื่นๆ ในราคาต่างๆ กัน ซึ่งก็ต้องถือว่า CTH ได้ปล่อยผี ออกทุกช่องทางที่สามารถออกได้ ตามลิขสิทธิ์ที่ได้มาครบถ้วนแล้ว เวลานี้เราก็ได้แต่รอดูว่า เมื่อ CTH เทให้หมดหน้าตักแบบนี้แล้ว คนไทยจะยังคงไปดูผ่าน กล่องเถื่อนที่มีราคา 300 บาท/เดือนอีกหรือไม่
CTH จัดเต็มครั้งนี้ เคเบิลท้องถิ่นกระเทือน
การปล่อยผีครั้งนี้ น่าจะมีผลกระทบกับ เคเบิลท้องถิ่นมากพอสมควร เพราะราคาที่ CTH เปิดออกมาเมื่อรวมกับช่องรายการที่มีในจานดาวเทียมแบบต่างๆ แล้ว คุณภาพรายการและราคาน่าจะคู่คี่กับการติดตั้งเคเบิลท้องถิ่นที่มีการเรียกเก็บค่าบริการอยู่ที่ 350 บาท/เดือน ใครที่เป็นแฟน BPL มีโอกาสที่จะถอดเคเบิลท้องถิ่นไปติดตั้งจานดาวเทียม ใครที่ไม่ได้เป็นแฟน BPL ก็คงจะติดตั้ง เคเบิลท้องถิ่นต่อไป ต้องบอกว่า การปล่อยผีครั้งนี้ของ CTH ทำเอาเคเบิลท้องถิ่นถึงกับอึ้ง และจุกอก เพราะงานนี้คนโดนน่าจะเป็น เคเบิลท้องถิ่นเท่านั้น ส่วน PSI, GMM-Z และ Sun Box น่าจะรับไปเต็มๆ ไม่ว่างานนี้ CTH จะแบ่งให้กล่องต่างๆเท่าไร หรือจะไม่แบ่งเลย กลุ่มกล่องจานดาวเทียมก็รับไปเต็มๆ กับคำพูดที่ว่า ติดกล่องดาวเทียมสามารถดู BPL ได้ในราคาแสนถูก สำหรับ True Vision งานนี้ก็ต้องบอกว่าโล่งอก เพราะหากลูกค้า True Vision ที่เป็นแฟนพันธ์แท้ของ BPL เมื่อเอา Package จานไปติดตั้งเพิ่ม ก็สามารถดู BPL ได้ครบทุกคู่ ในราคาที่ถูกแทบไม่น่าเชื่อ
ช่องรายการอื่นๆ ของ CTH จะขายอย่างไร
วันนี้ CTH ปล่อยพระเอกตัวจริงคือ BPL ของ CTH ไปอยู่ใน Platform ต่างๆ เกือบทุก Platform ปัญหาคือ ในอนาคตโครงข่ายที่เป็นของ CTH เองจะขายอย่างไร เช่น จานฟ้า และเคเบิลท้องถิ่นที่ร่วมโครงข่ายกับ CTH เพราะไม่มี Content เด่นที่จะสร้างความแตกต่างให้กับ Platform ของตนเอง และ Content อื่นก็ยังไม่เป็นที่รู้จัก และยังไม่ได้รับความนิยม หากการปล่อย BPL ออกไปครั้งนี้ประสบผลสำเร็จก็ต้องถือว่าเป็นฝีมือของฝ่ายบริหารจริงๆ แต่หากไม่สำเร็จ จะทำอย่างไร เพราะราคาที่ตั้งไว้ ต้องถือว่าเป็นราคาที่ปล่อยกันแบบสุดๆ แล้ว ในปีที่ 3 จะทำอย่างไร และในปีที่ 2 นี้จะให้เคเบิลท้องถิ่นที่ร่วมโครงข่ายกับ CTH ทำอย่างไร เพราะราคาที่ขาย Content อื่นๆ เมื่อรวมกับ BPL ที่ CTH ตั้งขายอยู่ในปัจจุบัน ตลาดจะเดินไปอย่างไร คงต้องติดตามตอนต่อไปว่า CTH จะมีแผนอื่นๆ ที่จะเอา Content อื่นๆ มาใช้ประโยชน์ได้อย่างไร
เคเบิลท้องถิ่นอยากได้อะไรจาก CTH
หาก CTH ยังเดินแผนเดิมกับเคเบิลท้องถิ่น ที่ร่วมโครงข่ายกับ CTH คงจะไม่มีอะไรดีไปกว่าเดิม แผนคงต้องมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ เพราะจากเดิมที่จะมีเคเบิลท้องถิ่นเดินไปกับ CTH โดยใช้ STB ของ CTH คงเหลือไม่มากแล้ว เพราะประสบการณ์ 1 ปีที่ผ่านมา ทั้ง 2 ฝ่ายต่างได้รับความเสียหายด้วยกันทั้งคู่ จากความไม่พร้อมของทั้ง 2 ฝ่าย การจะเดินร่วมกันต่อไปคงต้องดูเป็นรายๆ ไป แต่หากจะมองเป็นภาพรวม การทำงานร่วมกับ เคเบิลท้องถิ่น หาก CTH วางตัวเองเป็น Content Provider เหมือนกับที่ True Vision วางตำแหน่งตนเองเอาไว้ น่าจะเป็นคำตอบที่ทุกคนพอใจ และได้ประโยชน์ร่วมกัน เพราะเคเบิลท้องถิ่นทั้งหมด จะสบายใจมาก หาก CTH กำหนดตำแหน่งตนเองว่าเป็น Content Provider โดยแนวการทำงานก็ไม่ต้องคิดมาก เพราะมี True Vision เป็นต้นแบบอยู่แล้ว งานนี้ CTH จะสามารถเป็นพันธมิตรกับเคเบิลท้องถิ่นได้ทั่วประเทศ โดยไม่ต้องให้ เคเบิลท้องถิ่นแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเหมือนในอดีต ทุกอย่างจะ Happy Ending ที่สำคัญจะทำให้ยอดคนดูช่องรายการต่างๆของ CTH เพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องเสียงบโฆษณาอีกต่างหาก แถมด้วยได้เงินจากเคเบิลท้องถิ่นโดยไม่ต้องไปมีปัญหาการออกบิลเก็บเงินจำนวนมากเหมือนในอดีต คงต้องติดตามดูว่า ต่อไป CTH จะปล่อยของอะไรออกมาอีก
